เริ่มต้นใช้งานด้วยโปรแกรม Adobe Dreamweaver CS6
รุ่นต่างๆ
ประวัติความเป็นมาของโปรแกรม Dreamweaver
Adobe Macromedia Dreamweaver
ผู้พัฒนา
อะโดบีซิสเต็มส์ (เริ่มพัฒนาโดย แมโครมีเดีย)
รุ่นเสถียร ล่าสุด CS4 (10.0)
รุ่นทดลอง ล่าสุด (27 มีนาคม พ.ศ. 2550)
โอเอส Windows Mac OS X
ชนิด โปรแกรมแก้ไข HTML
ลิขสิทธิ์ Closed source
อะโดบี ดรีมวีฟเวอร์ (Adobe Dreamweaver) หรือชื่อเดิมคือ แมโครมีเดีย ดรีมวีฟเวอร์ (Macromedia Dreamweaver) เป็นโปรแกรมแก้ไข HTML พัฒนาโดยบริษัทแมโครมีเดีย (ปัจจุบันควบกิจการรวมกับบริษัท อะโดบีซิสเต็มส์) สำหรับการออกแบบเว็บไซต์ในรูปแบบ WYSIWYG กับการควบคุมของส่วนแก้ไขรหัส HTML ในการพัฒนาโปรแกรมที่มีการรวมทั้งสองแบบเข้าด้วยกันแบบนี้ ทำให้ ดรีมวีฟเวอร์เป็นโปรแกรมที่แตกต่างจากโปรแกรมอื่นๆ ในประเภทเดียวกัน ในช่วงปลายปีทศวรรษ 2533 จนถึงปีพ.ศ. 2544 ดรีมวีฟเวอร์มีสัดส่วนตลาดโปรแกรมแก้ไข HTML อยู่มากกว่า 70% ดรีมวีฟเวอร์มีทั้งในระบบปฏิบัติการแมคอินทอช และไมโครซอฟท์วินโดวส์ ดรีมวีฟเวอร์ยังสามารถทำงานบนระบบปฏิบัติการแบบยูนิกซ์ ผ่านโปรแกรมจำลองอย่าง WINEได้ รุ่นล่าสุดคือ ดรีมวีฟเวอร์ CS4
การทำงานกับภาษาต่างๆ
ดรีมวีฟเวอร์
สามารถทำงานกับภาษาคอมพิวเตอร์ในการเขียนเว็บไซต์แบบไดนามิค ซึ่งมีการใช้ HTML
เป็นตัวแสดงผลของเอกสาร เช่น ASP, ASP.NET, PHP, JSP และ ColdFusion รวมถึงการจัดการฐานข้อมูลต่างๆ
อีกด้วย และในเวอร์ชันล่าสุด (เวอร์ชัน CS4) ยังสามารถทำงานร่วมกับ
XML และ CSS ได้อย่างง่ายดาย
Dreamweaver 1.0 (ธันวาคม ค.ศ. 1997)
Dreamweaver 1.2 (มีนาคม ค.ศ. 1998)
Dreamweaver 2.0 (ธันวาคม ค.ศ. 1998)
Dreamweaver 3.0 (ธันวาคม ค.ศ. 1999)
Dreamweaver UltraDev 1.0 (มิถุนายน ค.ศ. 2000)
Dreamweaver 4.0 (ธันวาคม ค.ศ. 2000)
Dreamweaver UltraDev 4.0 (ธันวาคม ค.ศ. 2000)
Dreamweaver MX (พฤษภาคม ค.ศ. 2002)
Dreamweaver MX 2004 (10 พฤศจิกายน ค.ศ. 2003)
Dreamweaver 8 (13 พฤศจิกายน ค.ศ. 2005)
Dreamweaver CS3
Dreamweaver CS4
Dreamweaver CS5
Dreamweaver CS6
Dreamweaver CS5
Dreamweaver CS6
ความสามารถของ Dreamweaver
1. สนับสนุนการทํางานแบบ
WYSIWYG (What You See Is What You Get) หมายความวาอะไรก็ตามที่เราทํา
บนหนาจอ Dreamweaver ก็จะปรากฎผลแบบเดียวกันบนเว็บเพจ
ซึ่งชวยใหการสรางและแกไขเว็บเพจนั้นทําได งาย โดยไมตองมีความรูภาษา HTML
เลย
2. มีเครื่องมือในการสรางรูปแบบหนาจอเว็บเพจ
ซึ่งชวยอํานวยความสะดวกใหผูใชงานไดมาก
3. สนับสนุนภาษาสคริปตตางๆ
เชน Java,ASP,PHP,CGI,VBScript
4. มีเครื่องมือที่ชวยในการ
upload หนาเว็บที่สรางไปที่ server เพื่อทําการเผยแพรงานที่สรางบน
internet
5. รองรับการใชมัลติมีเดียตางๆ
เชน เสียง กราฟก และภาพเคลื่อนไหว ที่สรางโดยโปรแกรม Flash, Shockwave, Firework เปนตน
6. มีความสามารถทําการติดตอกับฐานขอมูล
เพื่อเชื่อมตอกับเว็บไซต
การเปิดโปรแกรม
วิธีที่ 1 คลิก start -> All Programs
-> Adobe Dreamweaver CS6 ดังตัวอย่างด้านล่าง
วิธีที่
2 ดับเบิลคลิกไอคอน
ที่หน้าจอ Desktop
หลังจากเปิดโปรแกรมขึ้นมาจะปรากฏหน้าต่าง
welcome screen ซึ่งแบ่งออกเป็น 3 กลุ่มหลัก
ดังภาพด้านล่าง ดังนี้
ส่วนประกอบหน้าจอโปรแกรม Adobe Dreamweaver CS6
A.
เปิดไฟล์งานเก่าที่เคยเรียกใช้งาน
(open a recent ltem)
B. สร้างงานใหม่
(create new) ใช้สำหรับสร้างไฟล์งานใหม่
ซึ่งสามารถเลือกสร้างไฟล์งานได้หลายชนิด ไม่ว่าจะเป็น ไฟล์ html, php, asp,หรือ JavaScript
C. สร้างงานสำเร็จรูป
(create from samples) สร้างเว็บเพจใหม่โดยใช้ไฟล์ตัวอย่าง
ที่โปรแกรมจัดเตรียมเอาไว้ให้ ส่วนประกอบหน้าจอโปรแกรม Adobe Dreamweaver CS6
1.สีส้ม คือ แถบเมนูหลัก (Menu bar)
เป็นแถบรวมรวมคำสั่งทั้งหมดของโปรแกรม
โดยแบ่งคำสั่งทั้งหมดออกเป็นหมวดหมู่ตามลักษณะของการใช้งาน
2. สีเหลือ คือ แถบเครื่องมือ (Insert Bar) เป็นแหล่งรวมเครื่องมือซึ่งใช้ในการวางออบเจ็กต์ชนิดต่าง ๆ
ลงบนหน้าเว็บเพจ เช่น ข้อความ รูปภาพ ลิงค์ รูปเคลื่อนไหว เป็นต้น
โดยจะแบ่งเป็นกลุ่มคำสั่งเพื่อให้ใช้งานได้สะดวก
ซึ่งจะประกอบด้วยกลุ่มคำสั่งดังนี้
-
Common ใช้วางออบเจ็กต์ที่ต้องใช้งานบ่อย ๆ
เช่น รูปภาพ ตาราง ไฟล์มัลติมีเดีย เป็นต้น
-
Layout ใช้วางออบเจ็กต์ที่ใช้จัดโครงสร้างของเว็บเพจ
เช่น ตาราง เฟรม และ AP element
(หรือเลเยอร์)
-
Forms ใช้วางออบเจ็กต์ที่ใช้ในการสร้างแบบฟร์อมรับข้อมูล
เช่น ช่องรับข้อความ ปุ่มตัวเลือกต่าง ๆ เป็นต้น
-
Data ใช้วางคำสั่งที่ใช้การจัดการฐานข้อมูล
และดึงข้อมูลจากฐานข้อมูลมาแสดงบนเว็บเพจ
-
Sary ใช้วางออบเจ็กต์ที่ใช้เทคโนโลยีของ
Ajax
-
jQuery Mobile ใช้สร้างหน้าเพจที่แสดงบนอุปกรณ์มือถือและแท็บเล็ตโดยใช้เทคโนโลยีแบบ
jQuery
-
InContext Edting ใช้สร้างออบเจ็กต์ที่ช่วยอำนวยความสะดวกให้ผู้ใช้งานสามารถแก้ไขเว็บเพจได้
-
Text ใช้สำหรับจัดปรับแต่งหรือจัดรูปแบบของตัวอักษรและข้อความสะดวกให้ผู้ใช้งาน
เช่น หัวเรื่อง ตัวหน้า ตัวเอียง รวมทั้งแทรกสัญลักษณ์พิเศษต่าง ๆ เช่น $
(Dollar) © (Copyright) เป็นต้น
-
Favorites เป็นกลุ่มที่สามารถเพิ่มปุ่มคำสั่งที่ใช้บ่อยจากกลุ่มอื่น
ๆ เข้ามาเก็บไว้ใช้งานเอง เพื่อความสะดวกในการใช้งาน
3.สีแดง คือ พื้นที่สร้างงาน (Document area) เป็นส่วนที่ใช้สร้างหน้าเว็บเพจ ใส่เนื้อหา และองค์ประกอบต่าง ๆ
ของเว็บเพจ
ซึ่งสามารถเลือกเปิดพื้นที่สร้างงานได้ด้วยกัน 4 มุมมอง
-
มุมมองออกแบบ (Design
View) ใช้แก้ไขและจัดวางเนื้อหาต่าง ๆ ลงบนเว็บเพจ
-
มุมมองโค้ด (Code
View) ใช้สำหรับเปิดดูคำสั่งต่าง ๆ เช่น HTML PHP ASP และ JSP และสามารถแก้ไขคำสั่งต่าง ๆ ได้ตามต้องการ
-
มุมมองโค้ดและออกแบบ (Code and
Design View หรือ Split)
แสดงทั้งแบบมุมมองออกแบบ และมุมมองโค้ดพร้อมกัน
สามารถปรับขนาดพื้นที่ของแต่ละส่วนได้โดยคลิกลากที่เส้นแบ่งระหว่างทั้ง 2 ส่วนนี้
-
มุมมองแสดงเว็บเพจเหมือนดูบนเบราเซอร์ (Live
View) แสดงหน้าเว็บเพจเหมือนดูบนเบราเซอร์ทั้งในส่วนของ JavaScript
และ Plugin
4.สีฟ้า คือ หน้าต่าง properties inspector เป็นหน้าต่างเล็ก ๆ ที่อยู่ด้านล่างสุดของหน้าจอโปรแกรม
เป็นส่วนที่ใช้งานมากที่สุด เนื่องจากเป็นส่วนที่ใช้กำหนดคุณสมบัติสำคัญ ๆ
ของออบเจ็กต์ที่วางในหน้าเว็บเพจ เช่น ตำแหน่ง ขนาด และสี
5. สีน้ำตาล คือ กลุ่มหน้าต่างพาเนล (Panels) เป็นหน้าต่างเล็ก ๆ
ที่รวบรวมเครื่องมือไว้เป็นกลุ่มตามหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ทำให้ใช้งานได้สะดวกขึ้น
6. สีเขียว คือ แถบสถานะ (Status Bar) เป็นแถบที่อยู่ทางด้านล่างของหน้าต่าง
ๆ Document ประกอบด้วย 2 ส่วน
คือ ด้านซ้ายเป็น Tag Selector ส่วนด้านขวาเป็นเครื่องมือต่าง
ๆ
หลักสำคัญก่อนการสร้างเว็บเพจ
1. เลือกรูปแบบพื้นที่ทำงาน(Workspace) ให้เหมาะสม
2. จัดการกับหน้าต่างไฟล์
3. เตรียมโฟลเดอร์สำหรับสร้างเว็บไซต์
4. สร้าง
Define
Site เพื่อจัดระบบให้ข้อมูล
การบันทึกเว็บเพจ
1.คลิกเลือกคำสั่ง File
- > Save (หรือกดคีย์ลัด Ctrl+S)
-
ถ้าต้องการบันทึกเว็บเพจเดิมให้เป็นชื่อใหม่ เลือกคำสั่ง Save As
- ถ้าต้องการบันทึกเว็บเพจทั้งหมดที่เปิดใช้งานอยู่
เลือกคำสั่ง Save All
2. เปิดเข้าไปยังโฟลเดอร์หลักที่จัดเก็บเว็บไซต์และโฟลเดอร์ย่อยที่จะใช้เก็บไฟล์
3. ตั้งชื่อไฟล์ที่ต้องการ (กรณีหน้าแรกของเว็บไซต์
ต้องตั้งเป็น Index.html เท่านั้น
นอกจากนั้นตั้งชื่อตามชนิดของไฟล์งาน)
4. เลือกประเภทไฟล์ที่จะบันทึกเป็น html
5.
คลิกปุ่ม Save
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น